เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๔ ม.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรม ธรรมะไง เราแสวงหาธรรมะกันนะ เวลาปีใหม่เราอยากได้พร อยากได้ความอุดมสมบูรณ์ อยากได้ความสำเร็จทางชีวิต เราก็อยากได้ ใครๆ ก็อยากได้ แต่ความอยาก ถ้าความอยากเป็นมรรคคือความอยากแล้วขยันหมั่นเพียรเป็นความอยากที่ถูกต้อง ความอยากแล้ว อยากแล้วไม่สมความปรารถนาแล้วก็เสียใจ อันนั้นเป็นกิเลส เวลาอยากแล้ว อยากเป็น อยากดี อยากเด่น อยากเป็นดั่งความปรารถนา แล้วมันไม่ได้ตามความอยาก นั่นล่ะกิเลส

แต่ถ้าความอยาก เราอยากเป็นคนดี อยากมีความสุข อยากเข้าใจในชีวิต อยากแล้วเราค้นคว้า อยากแล้วเราประพฤติปฏิบัติ อย่างเช่นวันนี้วันพระ วันพระ วันพระวันโกน พระผู้ประเสริฐ แล้วมันประเสริฐที่ไหนล่ะ ผู้ประเสริฐมันประเสริฐอยู่ในหัวใจไง

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เห็นธรรมคือเห็นใจของตัวเองไง เห็นใจคือมีสามัญสำนึกไง เห็นใจคือคิดได้ คิดได้ถึงชีวิตของเรา แล้วชีวิตของเรา เราค้นคว้าสิ เราค้นคว้าชีวิตมันคืออะไร

ชีวิตเรา ชีวิตเราก็คือร่างกายเรา มนุษย์เราเป็นชีวิตของเรา ชีวิตของเรา อันนี้มันเป็นร่างกาย ร่างกายนี้ ดูสิ เวลาคนตายแล้ว เวลาวิญญาณออกจากร่างไปมันก็เหมือนกับขอนไม้ มันเป็นแค่ซากศพเท่านั้นแหละ ซากศพเราพูดกับมันไม่รู้เรื่องนะ ดูสิ เวลาคนตายไปเรามีแต่ความเสียใจ มีแต่ความกระเทือนใจ แต่เราคุยกับมันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ แต่เวลามีชีวิตอยู่เราคุยกันรู้เรื่องนะ เราคุยกันรู้เรื่องเพราะอะไรล่ะ เพราะมันมีจิต มันมีธาตุรู้ ธาตุรู้เราคุยกันได้ เราสื่อสารกันได้

ถ้าเราสื่อสารกันได้ เราสื่อสารโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก สื่อสารก็จะเอารัดเอาเปรียบเขาตลอดไป แต่เราศึกษา เรามีสติมีปัญญา ถ้าเรามีสติมีปัญญา เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เราทำสิ่งใดก็แล้วแต่ มันเป็นเวรเป็นกรรมทั้งนั้นแหละ พอเราทำสิ่งใดไป เราคิดว่าเราได้ๆ เราเสียหายทั้งนั้นแหละ

แต่ถ้ามันมีสติมีปัญญานะ ดูสิ เรามาเสียสละทานๆ ไอ้วัตถุมันของเล็กน้อยนะ เล็กน้อยเพราะอะไร เพราะว่ามันเป็นวัตถุที่เราช่วยเหลือเจือจานกันได้ แต่ไอ้ไฟสุมขอน ไอ้ไฟที่มันเผาลนในใจ นั่นมันของยิ่งใหญ่นะ สิ่งที่มันเผาลนเรา ดูสิ พอมันผิดหูผิดตา มันผิดใจ มันจะไปทำร้ายเขา เวลามันไม่พอใจมันจะไปเบียดเบียนเขา อันนี้มันยิ่งใหญ่นะ แล้วยิ่งใหญ่มันจะเอาอะไรดูแลมันล่ะ นี่ธรรมะๆ มันดูแลตรงนี้

เวลาโลกเขาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาไปโรงพยาบาล เขาไปหาหมอ เขารักษากันด้วยยา เวลาหัวใจของเรา เราต้องรักษาด้วยธรรมโอสถ ธรรมโอสถมันคืออะไรล่ะ ธรรมโอสถ ศีล ศีลคือความปกติของใจ ให้ใจมันปกติ ให้ใจมันมีสติ ถ้าปกติคือมันไม่คิดตามอารมณ์ ถ้ามันไม่คิดตามอารมณ์ เราหาเหตุหาผล เขาว่าเราจริงๆ หรือ ที่เขาว่าเรา เขาว่าเราจริงๆ หรือ เขาว่าเราด้วยเจตนาดีหรือเปล่า ถ้าเขาว่าเราด้วยกิเลสของเขา ด้วยความว่าเขาไม่พอใจเรา อันนั้นก็เป็นกรรมของเขา

ใครทำสิ่งใด เห็นไหม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาไปเผยแผ่ธรรม เขาจ้างคนมาโจมตี เขาจ้างคนมาด่า เขาทำทุกอย่าง จนพระอานนท์ทนไม่ไหว พระอานนท์ชวนหนีๆ บอกหนีเถอะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก มีแต่คนเขาโจมตี

อานนท์ แล้วเธอจะหนีไปไหนล่ะ ไปข้างหน้าเขาก็ด่าอีก ไปข้างหน้าก็มีคนติเตียนอีก เพราะอะไร เพราะว่ามุมมองของคน ความเห็นของคน คนที่เขามีมุมมองอย่างนั้น เขาเห็นแก่ตัวของเขา เขาเห็นคนทำคุณงามความดีก็ขวางตาเขาแล้ว เขาไม่ต้องทำหรอก เห็นคนอื่นทำเขายังทนไม่ได้เลย

แต่ถ้าเป็นคุณงามความดี เราทำไป ดูสิ คนที่ศรัทธาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลูกศิษย์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากษัตริย์ทั้งนั้นแหละ เวลาคนที่ศรัทธามหาศาลเลย ไอ้คนที่มันเสียผลประโยชน์มันก็ขัดขวางไปตลอดเลย เห็นไหม แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเป็นแบบนั้น แล้วดูสิ เราจะให้คนเห็นไปทางเดียวกับเรามันเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันเป็นไปไม่ได้นะ ใครทำสิ่งใด เขาทำของเขา

เวลาเขาโจมตีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียใจมาก เสียใจเพราะว่าเขาหาแต่โทษแต่ภัยของเขา เวลาไป พอทำถึงที่สุดนะ ถ้าถึงที่สุด ธรณีสูบ สูบสดๆ เลย แต่ถ้าเราทำครึ่งๆ กลางๆ เราต้องไป เวลาตายไปแล้วยมบาลเขาก็ไปจำแนกแจกแจงกันว่าคนนี้จะไปทางไหน คนนั้นจะไปทางไหน อันนี้จะเชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร แขวนไว้ก่อน ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องเชื่อ เพราะกาลามสูตรเขาไม่ให้เชื่ออยู่แล้ว ไม่ต้องเชื่อ แต่เอาความจริง เอาความจริงนะ ถ้าเราสงสัยไหม เพราะเราสงสัย เราไม่แน่ใจมันถึงพาเวียนว่ายตายเกิด นี่คืออวิชชา ความลังเลสงสัย ความไม่แน่ใจนี่แหละ เพราะจับต้นชนปลาย จับอะไรไม่ติดหมดเลย มันจับอะไรไม่ได้มันก็เลยสงสัย สงสัยก็ไปเกิดอีก สงสัยก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่นี่ แล้วถ้ามันไม่สงสัยทำอย่างไรล่ะ

ทางโลกเขาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาไปหาหมอ หมอเขาดูแลรักษา ยารักษาโรครักษาร่างกาย ธรรมะคือยารักษาใจ ถ้ายารักษาใจ เราทำหัวใจของเรา ในเมื่อปีใหม่เราก็อยากจะเป็นมงคลชีวิต อยากจะทำความดีของเรา อยากจะมีความสุขความสงบของเรา วันนี้วันพระ วันพระเรื่องของหัวใจแล้ว วันพระ นี่ผู้ประเสริฐ ถ้าผู้ประเสริฐ เวลาเขาโจมตีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาโจมตีครูบาอาจารย์ ผู้ที่มีคุณธรรมในหัวใจท่านนิ่งของท่าน ถ้าท่านนิ่งของท่าน เราไปโจมตี นี่ความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้า ถ้าพระอริยเจ้า มันจะย้อนกลับมาหาเรา ย้อนกลับมาหาเราถ้าเราทำ

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราคิดว่าเราทำถูกต้อง เรามีความจำเป็นของเรา ใครเขาจะพูดอย่างไรนั่นโลกธรรม ๘ ถ้าโลกธรรม ๘ เราไม่ต้องไปกว้านมาให้มันเผาใจเรา กิเลสในหัวใจเรามันก็เผาใจเราพออยู่แล้ว ชีวิตของเราเกิดมาตั้งแต่เช้า ตื่นขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์ สวดมนต์เสร็จหุงอาหารใส่บาตรพระ ถ้าเป็นไปได้นะ ถ้าเป็นไปไม่ได้เขาก็รีบไปทำหน้าที่การงานของเขา งานของเรามันก็ล้นเหลืออยู่แล้ว ถ้างานของเราล้นเหลืออยู่แล้ว แล้วเป็นคนดีด้วย คนดียังมีพระในบ้าน ยังมีพ่อแม่มีปู่ย่าตายายต้องคอยดูแล งานของเรามันก็ล้นเหลืออยู่แล้ว ทำไมเราต้องไปกว้านเอาพิษเอาภัยมาเผาเราอีกล่ะ งานของเรา เราก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แล้วเวลาทำหน้าที่การงานมา ทำหน้าที่การงานมาเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัย เพื่อดำรงชีวิต ถ้าดำรงชีวิต ถ้าประสบความสำเร็จในชีวิต นี่กรรมดี เราทำคุณงามความดีสิ่งใดมาจะมีคนเจือจาน จะมีคนเกื้อหนุน เจอคนช่วยเหลือเจือจาน คนไม่ได้ทำสิ่งใดมานะ ทำสิ่งใดต้องการให้คนเข้ามาเกื้อหนุนเจือจาน มันไม่ค่อยมีคนหันมามอง

เขาจะมอง มองที่ไหน คนเขามองนะ เขามองจากพ่อจากแม่ ถ้าพ่อแม่เขาเป็นคนดี เขาเลี้ยงลูกมาเขาเป็นคนดี ถ้าคนดี บ้านนี้บ้านที่ดี มีอะไรเขาอยากช่วยเหลือเจือจานนะ ถ้าบ้านนี้ ดูสิ เขาอยู่กันสุขสงบ ส่งเสียงรบกวนเขา ทำลายเขามาตลอดเลย สังคมเขาจะมีความสุข บ้านนี้คอยกีดคอยขวาง คอยจะให้ไปยอมจำนนกับเขา เวลาเขาเป็นสิ่งใดไม่มีใครไปมอง

เพราะกลิ่นของศีลไง คุณงามความดีไง ถ้าเราทำสิ่งนั้นขึ้นมามันจะเป็นประโยชน์กับเรา นี่กรรมๆ เห็นไหม ความรับผิดชอบเราก็มหาศาลอยู่แล้ว หน้าที่การงานเราก็เยอะอยู่แล้ว เราจะต้องทำสิ่งใดอีก

พระในบ้านคือพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา แล้วพระในใจล่ะ ถ้าพระในใจมันดีนะ เรามีสติมีปัญญา เราจะเป็นมงคลชีวิต เกิดในประเทศอันสมควร เกิดจากพ่อจากแม่ พ่อแม่เป็นคนที่ดี เกิดมาก็ชักนำเราไปทางที่ดีนะ เวลาลูกเราไปโรงเรียนนะ “อย่าไปรังแกเพื่อนนะ ถ้าเพื่อนเขาขาดตกบกพร่องเราช่วยเหลือเจือจานกันนะ อย่าไปรังแกเขา” นี่พ่อแม่ที่ดี เราเกิดในตระกูลที่ดี เราเกิดในพ่อแม่ที่ดี นี่พระในใจของเรา ถ้าพระในใจเรา เพราะเรามีอำนาจวาสนาไง เรามาเกิดในประเทศอันสมควรไง เรามาเกิดจากพ่อจากแม่ที่เป็นสัมมาทิฏฐิไง พ่อแม่ที่สัมมาทิฏฐิก็พาลูกไปทางที่ดีไง นี่ทำคุณงามความดี เห็นไหม พระในใจของเราไง ถ้าพระในใจของเรา เรารักษาพระในใจของเรานะ

หน้าที่การงานก็ล้นเหลือ ทุกอย่างเป็นภาระรับผิดชอบทั้งนั้นแหละ เราก็รับผิดชอบเพราะเป็นคนรับผิดชอบ รับผิดชอบเสร็จแล้วนะ ทำเสร็จแล้วมันสบายใจ มันสบายใจนะ เราทำสิ่งใด คุณงามความดี ทำดีต้องได้ดี ทำดีได้ดีอยู่แล้ว ทำดีต้องได้ดี ดีที่ไหนล่ะ ดีก็ดีคือความดีอันนั้นไง แล้วความดีอันนั้นมันย้อนกลับมาหาเราไง ถ้าย้อนกลับมาหาเรา ย้อนกลับมา จะไปที่ไหน ขาดตกบกพร่องสิ่งใด คนจะช่วยเหลือเจือจานเรา คนจะดูแลเรา นี่เรื่องของบุญ เรื่องของบาป บาปอกุศลทำสิ่งใดแล้วไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครดูแล นี่พูดถึงการกระทำนะ

แล้วเวลาวันพระ เราดูแลพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ดูแลหมดแล้วพระในบ้าน แล้วพระในใจของเรา พระในใจของเราดี สิ่งที่มีความดีมันทำได้อย่างนี้ ดูเด็กกตัญญู เวลาเด็กกตัญญู เห็นแล้วเราสะเทือนใจทุกที มันเป็นเด็กน้อย ทำไมมันมีความรับผิดชอบขนาดนั้น เราเป็นผู้ใหญ่แล้วเรามีความคิดอย่างนั้นบ้างไหม เด็กกตัญญูๆ มันมา นี่พระในใจเขาดี เด็กกตัญญูเขาขวนขวาย เขาดูแลของเขา จิตใจเขาสูงส่ง เขามีคุณธรรมในใจ ถ้ามีคุณธรรมในใจ สิ่งนั้นเราเกิดมาเราก็อยากมีธรรมในใจของเรา ถ้ามันจะขาดตกบกพร่อง เวลาชีวิตนะ มันมีลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเรื่องธรรมดา

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ด้วยทานบารมีจากการสร้างมาเป็นพระโพธิสัตว์ล้นเหลือ แต่เวลาพราหมณ์นิมนต์ไป เขาลืมใส่บาตร แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาพราหมณ์ลืมใส่บาตรยังขาดแคลนเลย แต่นี่พูดถึงนะ แต่ของเราไอ้เรื่องความขาดแคลน เรื่องความชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรื่องธรรมดา เรามีสติของเราไว้ มีสติของเราไว้ มันต้องผ่านวิกฤติอย่างนี้ไปได้ มันต้องแก้ไขของเราไปได้ ถ้ามันแก้ไขของเราไปได้ เราเอ่ยปากกัน ช่วยเหลือเจือจานกัน ความช่วยเหลือเจือจานกัน แต่คนที่เขาไม่กล้าทำๆ เพราะอะไร เพราะดูโลกสิ โลกมันทุศีล มันขาดความจริงใจ มันทำสิ่งใดไปเรากลัวแต่เราจะโดนหลอกลวงไง

แต่ถ้าไปหาพระ หาพระ พระผู้มีศีล ผู้มีศีลเราไว้ใจได้ เราจะเสียสละของเรา ถ้าเสียสละของเรา เราก็มีสติปัญญา กาลามสูตรอย่าเพิ่งเชื่อสิ่งใดทั้งสิ้น แล้วทำสิ่งใดแล้วเราอยากจะบำรุงรักษาพระในใจของเรา ถ้ามีพระในใจของเรามันจะเป็นคนอย่างนี้ พระในใจของเราจะเป็นเด็กกตัญญู พระในใจของเราจะเป็นสัมมาทิฏฐิ พระในใจของเรา เราจะดูแลของเรา นี่พูดถึงพระในใจมันมีวี่แววของมันมาไง มันมีวี่แววของมัน จริตนิสัยขึ้นมา ถ้ามีจริตนิสัยของเราแล้ว สิ่งที่ทำแล้วมันไม่น้อยเนื้อต่ำใจ

แต่คนที่ทำแล้วน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว พอมานั่งภาวนามันภาวนาไม่ลงหรอก เพราะมันน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมชีวิตนี้มันลำบากขนาดนี้ ทำไมชีวิตนี้มันทุกข์ยากขนาดนี้ ทำไมชีวิตนี้มันลำบากขนาดนี้

ก็ชีวิตนี้มันคือชีวะ มันคือสิ่งมีชีวิต ต้นไม้มันยังเจริญงอกงามของมันไปได้เลย แล้วเราเป็นมนุษย์ขึ้นมา เรามีชีวิตขึ้นมาแล้วทำไมเราไม่ย้อนกลับมาดูกระแส ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนตรงนี้ไง ทวนกระแสกลับไปดูใจของเราไง ถ้าใจของเรา เราเป็นคนดีแล้ว ดีอย่างนี้ดีในวัฏฏะ มันยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไง ถ้าเราเวียนว่ายตายเกิดเพราะเรามีอำนาจวาสนาบารมีอย่างนี้เราถึงยังฝึกหัดภาวนาได้ คำว่า “ฝึกหัดภาวนา” มันเต็มใจ เราเต็มใจนั่งสมาธิ เราเต็มใจเดินจงกรม เราเต็มใจๆ ความเต็มใจมันไม่ใช่ความสงสัย

อวิชชา ด้วยความสงสัย ด้วยความไม่แน่ใจ ทำไปด้วยความไม่แน่ใจ ความเต็มใจ ความเต็มใจตั้งสติไว้ เรากำหนดพุทโธ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ถ้ามันสงบเข้ามา นี่อัตตสมบัติ สมบัติแท้ๆ เลย สิ่งที่เราเกิดมามันเป็นสมบัติของวัฏฏะ เพราะมันเวียนว่ายตายเกิด มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้นอยู่แล้ว มันมีของมันอยู่อย่างนี้ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เวียนตายเวียนเกิดมาอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ทำคุณงามความดีจนบารมีเต็ม เวลามันตรัสรู้ขึ้นมา ตรัสรู้ธรรมชำระอวิชชาพญามาร ครอบครัวมารในใจของเรามันมีปู่ย่าตายายของมัน ฆ่ามันตายตั้งแต่ลูกหลานมันขึ้นไปก่อน จนไปถึงอวิชชา ทำลายอวิชชาไปแล้ว แล้วถึงมาบอกพวกเราไง มาบอกพวกเราว่าให้มีหนทางมีช่องทาง เราจะไปของเรา เราจะเอาคุณงามความดีของเรา

แล้วคุณงามความดี พ่อแม่ปู่ย่าตายายเราก็ดูแล เราก็รักษา เราก็ทำเต็มที่ แล้วพาพ่อแม่ปู่ย่าตายายมาทำบุญถ้าท่านทำของท่านได้ ท่านเปิดตาใจของท่านได้ ท่านก็อยากนั่งสมาธิภาวนา เพราะทุกคนต้องอยากเอาสมบัติที่เลอเลิศ ทุกคนต้องเอาสมบัติที่ละเอียดขึ้นไป ถ้าท่านนั่งสมาธิภาวนา เราก็นั่งสมาธิภาวนา ต่างคนต่างหาหัวใจของตัว ต่างคนต่างหาพระในใจของตัว แล้วถ้ามันได้พระในใจของตัว มันเห็นพระในใจของตัว เรามาเกื้อกูลกัน เรามาสั่งสอนกัน เรามาคอยเตือนสติกัน

ถึงที่สุดถ้ามันผ่องแผ้วขึ้นมา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี สุขอื่นใดเท่ากับจิตพ้นจากกิเลสไปไม่มี แล้วสุขอื่นใด เราแสวงหาความสุขใช่ไหม เราต้องการมงคลชีวิตใช่ไหม เราต้องการทุกอย่าง เราต้องการทั้งนั้นแหละ แต่เรายังทำไม่ได้ เราก็พยายามทำของเรานะ มันเป็นระหว่างไง วิธีการที่เราจะต้องขวนขวาย ทำเพื่อให้ถึงเป้าหมายของเรา อธิษฐานบารมี บารมี ๑๐ ทัศ บารมี ๑๐ ทัศขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็มีเป้าหมายของเรา ทำคุณงามความดีของเรา

ทำคุณงามความดี เราทำของเราอย่าไปคุ้นเคย ให้มันสดๆ ร้อนๆ ตลอดเวลา เพราะความคุ้นเคยจะกลับกลายเป็นเบื่อหน่ายเนือยนาย แล้วมันก็จะลดลงต่ำไปไง ต้องสดๆ ร้อนๆ ต้องตั้งสติแล้วทำให้มันชัดเจนของเราตลอดมา แล้วเวลาไปภาวนามันก็จะภาวนาดีขึ้น ภาวนาดีขึ้น ผลของการภาวนา ผลของการภาวนานะ ธรรมโอสถ

เราไปหาหมอ เรารักษาด้วยยาเพื่อรักษาร่างกาย เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมามีธรรมโอสถ มรรคญาณมันจะเยียวยาหัวใจ แล้วมันจะรู้มันจะเห็น ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ยืนยันกันได้ ถ้ายืนยันไม่ได้มันต้องมีข้อบกพร่องให้เขาจับผิดได้ว่ามีความผิด นี่เรายืนยันได้ว่าเป็นความจริง ความจริงมันจะเหมือนกัน นี่ธรรมโอสถรักษาใจของเรา

พระในบ้าน พ่อแม่ปู่ย่าตายาย เรามีความกตัญญูกตเวที ได้ชีวิตนี้มาจากท่าน ท่านให้วิชาการมา ท่านให้ชีวิตนี้มา ท่านให้มาทั้งหมดเลย เราตอบสนองคุณของท่าน แล้วเราจะดูแลรักษาพระในใจของเราด้วย แล้วพาพ่อพาแม่ทำบุญกุศล ถ้าพ่อแม่มีจิตใจเบิกบาน ท่านก็ได้พระในใจของท่านด้วย ท่านเป็นพระอรหันต์ของเราด้วย แล้วท่านยังมีพระในใจของท่านต่างหาก เราก็รักษาพระของเราในใจของเรา เราทำเพื่อประโยชน์กับเรา เห็นไหม นี่เราทำ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ทำมาเยอะมาก ทำมาเยอะมาก ยิ่งทำเท่าไรมันจะสร้างบารมีกับใจดวงนี้ แล้วมันจะเกิดปัญญา เกิดปัญญาแล้วก็มีประสบการณ์ เราได้ทำมามันมีประสบการณ์ของมัน มันเกิดปัญญา แล้วปัญญาที่เกิดขึ้น ปัญญาละเอียดขึ้นมา เราจะซาบซึ้งๆ ขึ้นมา ธรรมโอสถเพื่อรักษาหัวใจของเรา เอวัง